ทันตกรรมสำหรับเด็ก

คลินิกทันตกรรมวิลเด็นท์ (Will Dent Dental Clinic)
คลินิกทันตกรรมครบวงจร ดูแลฟันสวย ส่งต่อรอยยิ้มที่มั่นใจ

ทำไมต้องพาเด็กๆมาทำฟันที่ Will Dent Dental Clinic

เพราะทีมทันตแพทย์ที่ Will Dent Dental Clinic เป็นคุณหมอฟันเด็กเฉพาะทางโดยเฉพาะ ซึ่งมีประสบการณ์การรักษาฟันของเด็กๆ มาอย่างยาวนาน คุณหมอฟันเด็กของ Will Dent Dental Clinic ใจดี ใจเย็น และมีจิตวิทยาในการรับมือกับเด็กๆทุกคน

มาทำความรู้จักกับหมอฟันเด็ก

หมอฟันเด็ก หรือทันตแพทย์เฉพาะทางเด็ก คือทันตแพทย์ที่มีใจรัก มีความเข้าใจในตัวเด็กๆ และตัดสินใจไปศึกษาต่อเฉพาะทางเพื่อที่จะได้มีความเชี่ยวชาญชำนาญในการทำฟันเด็กมากยิ่งขึ้น การทำฟันเด็กไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน เพราะเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ จึงไม่สามารถนอนนิ่งๆให้หมอฟันได้ ดังนั้นหมอฟันเด็กจึงต้องมีประสบการณ์ มีความละเอียดอ่อน ทำให้เข้าใจลักษณะนิสัย และความคิดของเด็กๆได้เป็นอย่างดี หมอฟันเด็กสามารถทำฟันเด็กได้ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นช่วงอายุ 6 เดือน ไปจนถึง อายุประมาณ 15 ปี

การทำทันตกรรมเด็กต่างจากผู้ใหญ่อย่างไร

โดยเนื้องานจะมีความคล้ายคลึงกัน เช่นในผู้ใหญ่มีขูด อุด ถอน ในเด็กก็มีเหมือนกันค่ะ ก่อนที่จะทำฟันเด็กได้เราต้องเข้าใจก่อนว่าเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เด็กก็คือเด็ก เพราะฉะนั้นความแตกต่างจริงๆ อยู่ที่กระบวนการรักษาเวลาทำฟันเด็กจะต้องอธิบาย ขั้นตอนการรักษา บอกความจริงกับเด็กทุกอย่าง บอกหรือเล่าเรื่องราวในภาษาที่เด็กเข้าใจ หรือในมุมมองที่เด็กสามารถเข้าใจได้ ดังนั้นหมอฟันเด็กเองจะต้องมีความเข้าใจธรรมชาติของเด็กแต่ละวัย และต้องใช้จิตวิทยาในการทำฟันเด็ก ซึ่งเป็นที่มาของการมีหมอฟันเด็กค่ะ

เด็กๆควรเริ่มพบหมอฟันเด็กเมื่ออายุเท่าไหร่

สามารถพาเด็กๆมาพบหมอฟันเด็กได้ตั้งแต่แรกเกิด มาเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่ควรเกินอายุ 1 ปีเพราะการที่คุณพ่อคุณแม่มาพบหมอฟันเด็กจะได้เรียนรู้ และฝึกฝนวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง รวมไปถึงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากตามมาภายหลัง และที่สำคัญคือ ยิ่งพาเด็กๆมาเร็ว จะทำให้หมอฟันเด็กสามารถสร้างความคุ้นเคยกับเด็กๆได้ง่าย และการมาตั้งแต่ก่อนเกิดปัญหาในช่องปากก็จะทำให้เด็กๆรู้สึกสนุก และมีความสุขกับการมาพบหมอฟันเด็กมากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะลูกรักฟันดี เริ่มที่ซี่แรกนะคะ

เตรียมตัวลูกมาพบหมอฟันเด็กอย่างไรดี

การมาพบหมอฟันเด็กครั้งแรก ย่อมเป็นเรื่องยากทั้งกับเด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่ค่ะ แต่หมอเชื่อว่าทุกคนจะผ่านไปได้ ดังนั้นหมอมีเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ มาบอกกันค่ะ

1. เลือกวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับพ่อแม่และลูก
เลือกวัน และเวลาที่สะดวกทั้งพ่อและแม่ เวลาที่เด็กๆอารมณ์ดี เช่น ไม่เลือกเวลาเข้านอน เพราะเด็กๆจะงอแง และไม่แฮปปี้กับการมาทำฟัน นอกจากนั้นแนะนำให้พาผู้ที่ดูแลเด็กเป็นหลัก และผู้ที่เป็นคนแปรงฟันให้เด็กมาด้วย เพื่อที่หมอฟันเด็กจะได้แนะนำการดูแลสุภาพช่องปาก และการเลือกรับประทานอาหารและขนม ให้มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุน้อยที่สุด

2. เล่าเรื่องการทำฟันให้เด็กๆฟังก่อนมาพบหมอฟันเด็ก
บอกเล่าเรื่องราวการทำฟันโดยการเล่าให้ฟังว่ามาถึงให้อ้าปากโชว์ฟันสวยให้หมอดู หมอฟันเด็กจะแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้าของหมอ ซึ่งอาจจะให้ดูวิดีโอตัวอย่างของเพื่อนๆที่มาทำฟัน หรืออาจะเล่านิทานการมาทำฟันให้เด็กๆฟังก่อนก็ได้ค่ะ แต่เน้นว่าควรบอกความจริงกับเด็กนะคะ ควรบอกเหตุผลว่ามาเพื่ออะไร ไม่แนะนำให้โกหกเพื่อให้เขายอมมาทำฟัน เช่น หลายครั้งที่หมอเจอเหตุการณ์ที่ให้เด็กๆมาเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ทำฟัน สุดท้ายเด็กๆก็ต้องทำฟันอยู่ดี เป็นต้น เหตุการณ์เหล่านี้จะทำให้เด็กๆเสียใจที่โดนหลอก และจะทำให้การปรับพฤติกรรมเด็กยากยิ่งขึ้นค่ะ

3. พ่อแม่ซ้อมทำฟันเด็กมาจากบ้าน
ซ้อมการทำฟันเด็กมาจากบ้าน เช่น ซ้อมนอนแปรงฟัน ซึ่งการนอนแปรงฟันนอกจากจะเป็นวิธีที่ดีสำหรับการแปรงฟันเด็กแล้ว ยังทำให้เด็กๆคุ้นเคยกับการนอนแปรงฟัน เวลามาพบหมอฟันเด็ก เด็กๆจะได้คุ้นกับการนอนให้หมอฟันเด็กตรวจฟันได้ดีอีกด้วยค่ะ

4. เตรียมการรับประทานอาหาร
รับประทานอาหารมาให้พอดี เนื่องจากการมาพบหมอฟันเด็กครั้งแรกเด็กอาจจะมีความกังวลและกลัว จะทำให้อาเจียนได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นในเด็กเล็กๆที่อาจจะร้องไห้มาก หรือในเด็กๆที่ต้องทำการรักษายาวๆ หรือในเด็กที่อาเจียนง่ายๆ แนะนำว่าให้งดอาหารมื้อหนักๆ หรือนมประมาณ 4-6 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารและนมย่อยก่อนที่จะถึงเวลาทำฟันค่ะ เพราะหากเด็กๆอาเจียนอาจจะทำให้สำลักได้

5. มาถึงคลินิกก่อนเวลาเพื่อให้เด็กๆได้มีเวลาเตรียมตัว
คุณพ่อคุณแม่ควรมาถึงคลินิกก่อนเวลาซักเล็กน้อย เพื่อให้เด็กๆมีเวลาเตรียมตัว สร้างความคุ้นเคยกับสถานที่ โดยทางคลินิกเรามีโซนเด็กเล่นไว้รองรับเด็กๆ เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายก่อนการทำฟัน

6. พ่อและแม่ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม
เตรียมจิตใจคุณพ่อคุณแม่ให้พร้อม เพราะความรู้สึกของพ่อและแม่สามารถสื่อไปถึงลูกๆได้ หากพ่อแม่กลัวลูกก็จะสัมผัสได้ คุณพ่อคุณแม่จะต้องมั่นใจว่าการที่เราพาลูกๆมาพบหมอฟันเด็กเป็นสิ่งที่ดี และไม่มีอะไรน่ากลัว เด็กๆจะสัมผัสได้ถึงความเชื่อมั่นในตัวของคุณพ่อและคุณแม่ค่ะ

“มาช่วยกันทำให้การทำฟันครั้งแรกของเด็กๆเป็นเรื่องง่าย และสนุกกันนะคะ”

หากเด็กๆเคยมีประสบการณ์ไม่ดีในการทำฟันมาก่อน ทำอย่างไรดี

เด็กน้อยที่เคยมีฟันผุ เคยต้องได้รับการรักษาทันตกรรมเด็กมาก่อนอาจจะมีโอกาสมีประสบการณ์ไม่ดีในการทำฟันมา หมอฟันเด็กจะต้องเริ่มปรับพฤติกรรมเด็กๆใหม่ โดยการเริ่มทำในสิ่งที่ง่ายๆก่อน ให้เด็กๆได้รู้จักเครื่องมือ และให้เด็กๆได้เชื่อใจหมอฟันเด็กของเขาก่อน หลังจากนั้นหากต้องทำการรักษาที่ยากขึ้น หมอฟันเด็กจะบอกความจริง บอกเล่าวิธีการรักษ และความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นกับเด็กด้วยภาษาที่เด็กๆเข้าใจ เชื่อในลูกน้อยนะคะว่าถ้าเขาเชื่อใจหมอฟันเด็กแล้ว เขาจะสามารถร่วมมือในการทำฟันได้เป็นอย่างดีค่ะ

ทันตกรรมเด็กที่คลินิกทันตกรรมวิลเด็นท์ให้บริการอะไรบ้าง

1. ตรวจฟันเด็ก
การตรวจฟันเด็ก จะมีการให้คำปรึกษา สอนวิธีการดูแล และป้องกันฟันผุ ซึ่งเป็นการตรวจสุขภาพช่องปาก ไปจนถึงพัฒนาการและแนวโน้มการเจริญเติบโตของฟันของเด็กตั้งแต่แรกเกิด รวมถึงประเมินความเสี่ยงในการเกิดฟันในเด็กแต่ละคน และสอนเรื่องโภชนาการที่ดีให้กับเด็กๆและผู้ปกครอง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาฟันผุขึ้นในอนาคต

2. ให้คำแนะนำในการดูแลฟันกับผู้ปกครอง

ผู้ปกครองรับคำแนะนำจากหมอฟันเด็กเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก เช่น การทำความสะอาดฟัน การเลือกใช้ยาสีฟัน การใช้ไหมขัดฟัน พฤติกรรม และชนิดของอาหารและขนมที่เหมาะสมกับเด็กๆ เป็นต้น เพราะฟันน้ำนมเป็นสิ่งที่ควรดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เพราะฟันน้ำนมอยู่ในทุกๆช่วงของการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็กๆ

3. สร้างทัศนคติที่ดีให้การดูแลฟันให้กับเด็กและผู้ปกครอง

ผู้ปกครองรับคำแนะนำจากหมอฟันเด็กเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก เช่น การทำความสะอาดฟัน การเลือกใช้ยาสีฟัน การใช้ไหมขัดฟัน พฤติกรรม และชนิดของอาหารและขนมที่เหมาะสมกับเด็กๆ เป็นต้น เพราะฟันน้ำนมเป็นสิ่งที่ควรดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เพราะฟันน้ำนมอยู่ในทุกๆช่วงของการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็กๆ

4. ขูดหินปูน ขัดฟัน 

การขูดหินปูนเป็นการทำฟันเด็กที่ไม่ได้พบบ่อย เพราะเด็กๆยังไม่ค่อยมีหินปูน แต่ในเด็กๆที่มีหินปูนก็จำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาดฟัน เพื่อป้องกันการเกิดโรคเหงือก และสามารถลดการเกิดกลิ่นปากได้อีกด้วย

5. เคลือบฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
การเคลือบฟลูออไรด์ เป็นการทำฟันเด็กที่ง่ายที่สุด รวมถึงไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เป็นทันตกรรมเด็กป้องกันซึ่งเหมาะสำหรับเป็นการรักษาในการมาพบหมอฟันครั้งแรก โดยขั้นตอนจะเป็นการแนะนำเครื่องมือทำฟัน เช่น เครื่องกรอขัดฟัน ที่ดูดน้ำลาย และหมอฟันเด็กจะทำการใช้ฟลูออไรด์ชนิดที่มีความเข้มข้นสูงมาเคลือบไว้บนผิวฟัน ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรพาเด็กเข้ารับการเคลือบฟลูออไรด์อยู่สม่ำเสมอ

6. เคลือบหลุมร่องฟันป้องกันฟันผุ

การเคลือบหลุมร่องฟัน เป็นการนำวัสดุเรซินที่มีสีขาวมาเคลือบบริเวณหลุ่มและร่องลึกของฟันกราม โดยมากมักเคลือบที่บริเวณฟันกรามด้านใน หรือบริเวณที่ทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากเด็กๆอาจยังทำความสะอาดฟันได้ไม่มากพอ การเคลือบหลุมร่องฟันก็จะช่วยทำให้แปรงฟันง่ายขึ้น และยังป้องกันไม่ให้เศษอาหารและขนมเข้าไปติดตามร่องฟันลึกๆ โดยสามารถทำได้ทั้งฟันกรามน้ำนม และฟันกรามแท้

7. อุดฟัน

การอุดฟันเด็ก โดยหมอฟันเด็กบูรณะฟันด้วยการใช้วัสดุทดแทนเนื้อฟันที่ผุจนกลายเป็นรู ให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ซึ่งขั้นตอนการอุดฟันจะไม่มีความเจ็บปวด ดังนั้นควรพาเด็กๆมาพบหมอฟันเด็กเป็นประจำ เพื่อให้เจอฟันผุตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่ยังไม่มีอาการปวดฟัน ขั้นตอนการอุดฟันจะได้ไม่ยากและไม่มีความเจ็บปวด

8. รักษารากฟันน้ำนม

การรักษารากฟันน้ำนม เป็นการรักษารากฟันของซี่ที่ผุลึกถึงโพรงประสาท ซึ่งมักจะมีอาการปวด บวม แต่ในเด็กๆบางคนก็อาจจะไม่มีอาการปวด เพื่อรักษาฟันน้ำนมซี่นั้นไว้รอจนกว่าฟันแท้จะขึ้นมา ซึ่งการที่รักษาฟันน้ำนมไว้นั้นนอกจากจะช่วยลดความเจ็บปวดของเด็กๆแล้ว จะช่วยให้ฟันแท้ที่จะขึ้นมาแทนที่เรียงเป็นระเบียบตามธรรมชาติอีกด้วย

9. ครอบฟันเด็ก

การครอบฟันในเด็ก คือ การบูรณะฟันน้ำนมที่ผุใหญ่มากจนไม่สามารถรักษาด้วยการอุดฟันน้ำนมได้ ต้องการให้ฟันน้ำนมกลับมาใช้งานได้ปกติ ซึ่งจะอยู่ติดกับฟันซี่นั้นไปจนกว่าฟันแท้จะขึ้นและหลุดไปพร้อมกับฟัน ทั้งนี้การครอบฟันยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับฟันที่รักษารากฟันมา อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้บริเวณอื่นๆของฟันซี่นั้นผุได้อีกด้วย ครอบฟันสามารถทำได้ทั้งฟันหน้า และฟันหลัง มีให้เลือก2 สีคือสีเงิน และสีขาว

10. เครื่องมือป้องกันฟันล้ม

เครื่องมือกันฟันล้ม เป็นเครื่องมือที่ใช้รักษาระยะห่างระหว่างฟันเอาไว้ไม่ให้ลดลง เพื่อเป็นการกันที่ให้ฟันแท้ขึ้นได้ตามธรรมชาติ และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ป้องกันปัญหาฟันเกหรือฟันขึ้นผิดที่ได้ เป็นเครื่องมือติดแน่น เด็กๆใส่แล้วไม่มีอาการเจ็บปวด และจะถอดออกเมื่อมีฟันแท้ขึ้นมาในช่องปาก

11. การจัดฟันในเด็ก

การจัดฟันในเด็ก เป็นการแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟัน ปัญหาขากรรไกรที่ผิดปกติ ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อให้การจัดฟันในอนาคตของเด็กๆง่ายขึ้น โดยเครื่องมือมีทั้งแบบติดแน่น และแบบถอดได้ ส่วนมากมักจะเป็นชนิดที่ถอดเข้าออกได้ เพราะเด็กๆจะสามารถทำความสะอาดได้ดีกว่า ดังนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือในการใส่ของเด็กๆ การจัดฟันในเด็กจึงจะประสบความสำเร็จ

12. การถอนฟัน

การถอนฟัน เป็นวิธีการสุดท้ายที่หมอฟันเด็กจะนำมาใช้ในการรักษา เมื่อไม่สามารถใช้วิธีการอื่นใดในการรักษาฟันได้แล้ว โดยหมอฟันเด็กจะพิจารณาว่าฟันน้ำนมซี่นั้นยังเก็บไว้ได้หรือไม่ เช่น ฟันผุไปจนถึงโพรงประสาทไม่สามารถรักษารากฟันได้ มีการติดเชื้อขนาดใหญ่ไปใกล้กับฟันแท้ มีอาการบวมบริเวณใบหน้า หรือในกรณีที่ฟันแท้งอกแต่ฟันน้ำนมยังไม่หลุดออกไป

13. การใช้แก๊สหัวเราะเพื่อคลายความกลัวและกังวล

การทำฟันเด็ก การร้องไห้ของเด็ก ความกลัวของเด็ก ความเจ็บปวดจากการทำฟันในเด็ก เป็นสิ่งที่พบเจอได้บ่อยในการรักษาทางทันตกรรมเด็ก ดังนั้นคลินิกทันกรรมวิลเด็นท์ ได้นำเอาแก๊สหัสเราะ หรือแก๊สไนตรัสออกไซด์ ซึ่งแก๊สตัวนี้มีความปลอดภัย มาเป็นตัวช่วยลดความกลัว คลายความกังวล และลดความเจ็บปวดจากการทำฟันเด็กได้เป็นอย่างดี

ความปลอดภัยของคลินิกทันตกรรมเด็ก

เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่และเด็กๆปลอดภัย คลินิกทันตกรรมเด็กจะต้องมีการทำความสะอาด โดยทางคลินิกมีการป้องกันการติดเชื้อต่างๆ คือ ไม่ใช้ด้ามกรอฟันซ้ำ โดยจะต้องมีการเปลี่ยนและอบฆ่าเชื้อใหม่ในทุกเคส เครื่องมือทั้งหมดจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตามมาตรฐาน และระบบระบายอากาศ เพื่อไม่ให้เชื้อโรควนเวียนในห้อง ทันตแพทย์ บุคลากร และผู้ให้บริการทุกท่าน ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดการบริการ ลดความแออัดของผู้เข้ารับการบริการ ด้วยระบบนัดหมาย ทุกพื้นผิวที่ถูกสัมผัสต้องมีการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อคุณภาพ

การให้คำชมเชย และรางวัล

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความเชี่ยวชาญในการทำฟันเด็กของหมอฟันเด็ก คือการเตรียมของรางวัลให้หลากหลาย และถูกใจเด็กๆ เช่นลูกโป่ง สติกเกอร์ และมีเหรียญหยอดตู้กาชาปอง เป็นต้น เพื่อให้เด็กๆกลับบ้านไปพร้อมกับรอยยิ้ม